“ทีเส็บ” เตรียมชงรัฐบาลแก้กฎระเบียบห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรมาในไทยเพื่อจัดแสดง ก่อนเสนอ ครม. พิจารณา หนุนไทยเป็นฮับไมซ์เอเชีย
นายดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีเส็บได้เสนอกรมศุลกากรแก้กฎระเบียบสินค้าต้องห้ามนำเข้าประเทศในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากการเกษตร เพื่อให้สามารถนำมาจัดแสดงในไทยได้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นพิจารณาต่อไป
สำหรับขั้นตอนในการนำสินค้าการเกษตรเข้ามานั้น ผู้จัดงานจะต้องมีการวางแผนสินค้าที่จะนำเข้ามาจัดแสดงว่าควรนำมาจำนวนเท่าใด มีกระบวนการขนส่งอย่างไร หลังจัดแสดงจะสินค้าที่เหลือจำนำกลับหรือมีขั้นตอนในการทำลายอย่างจัดเจน หลังจากนั้นทีเส็บจะเป็นผู้ออกหนังสือรองเพื่อให้นำสินค้าฯ มาจัดแสดงได้ หากไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะไม่ออกใบรับรองให้
“เราไม่ได้รื้อกฎหมายหรือกฎระเบียบทั้งหมด แต่จะหารือกับกรมศุลกากรเพื่ออนุญาตให้สามารถนำสินค้าการเกษตรจากต่างประเทศเข้ามาจัดแสดงในไทยได้ โดยจัดทีเส็บจะรับหน้าที่ในการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลควบคุม ตั้งแต่การขนย้ายสินค้าจากเรือนบรรทุกสินค้าไปยังหอจัดแสดงฯ ไปจนถึงกระบวนการทำลายสินค้าอย่างถูกต้องหลังจบการแสดง หรือนำกลับประเทศต้นทางโดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ก็เชื่อว่าผู้ถือกฎหมายอยู่ย่อมจะให้ความเห็นชอบได้”
ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังิจารณามาตรการยกการขอใบอนุญาตทำงานให้กับต่างชาติที่เข้ามาเกี่ยวกับการแสดงสินค้าไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงานในไทย ไม่ว่าจะมาเป็นวิศวกร มาดูโครงสร้าง ติดตั้งเครื่องจักร หรือผู้บรรยาย ซึ่งถือว่าไทยอยู่ในระดับแนวหน้าของอาเซียน
ส่วนมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าฟรี ทำให้มีผู้จัดงานจาก จีน ไต้หวัน เดินทางเข้ามาสะดวกมากขึ้น และคนประเทศที่ได้รับวีซ่าฟรีก็จะสามารถเข้าดูงานได้ด้วย และรัฐบาลกำลังจะขยายวีซ่าฟรีให้ครอบคลุมทั้งยุโรป ซึ่งจะทำให้ไทย ทัดเทียบกับสิงคโปร์ในแง่ของการแข่งขันในการเข้ามาจัดงานหรือเข้ามาดูงานโดยไม่ต้องพึ่งพาคนในประเทศอย่างเดียว จากก่อนหน้านี้ เวลามีการจัดงาน ผู้นำแสดงสินค้าจะต้องขอวีซ่าเข้าไทย
นายดวงเด็ด กล่าวว่า เพื่อแย่งชิงการเป็นศูนย์กลางไมซ์ของเอเชีย ไทยจะต้องแข่งขันกับประเทศคู่แห่งใน 3 ประเภท คือ 1.แมนูแฟกเจอริ่ง หรือมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตอุตสาหกรรมสนับสนุนที่ครบครันที่สุดในอาเซียน ซึ่งเวียดนามกำลังแข่งขันกับไทยเพื่อชิงการจัดงาน เพราะงานแสดงสินค้าราคาถูกกำลังย้ายไปจัดในเวียดนาม
2. งานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับนวัตรกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะดิจิทัลไลฟ์เซชั่น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ไทยถือเป็นผู้ท้าชิงที่จะดึงการจัดงานเข้ามา
3. งานแสดงสินค้ากลุ่มลักชัวรี่ ที่ไม่ต้องเสียภาษี เช่น เพชร ทองคำ ซึ่งนิยมจัดในฮ่องกง แต่ขณะนี้เริ่มติดปัญหาความสะดวกในการจัดงาน ทำให้ผู้จัดแสดงสินค้าอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานว่าจะมาจัดในไทยหรือหรือสิงคโปร์
ดังนั้นเมื่อมีการจัดวางเซกเมนต์การจัดงานแสดงสินค้า ก็ช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการแสดงสินค้า ขณะเดียวกันจะต้องมีศูนย์จัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติเพื่อรองรับ โดยขณะนี้มี 3 แห่ง ได้แห่ง ได้แก่ ไบเทคบางนา ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ทั้งนี้ ทีเส็บยังได้ร่วมมือกับกรมจัดหางานกระทรวงแรงงาน เพื่อพัฒนาคนให้มีเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมการแสดงสินค้า โดยการทำเทรนด์นิ่งในกลุ่มอาชีวะศึกษา