กูรูชี้หุ้นไทยอยู่นอกตำราหลักเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจเป็นกึ่งผูกขาดจึงไปต่อได้แนะหาโอกาสเลือกซื้อหุ้นคุณภาพช่วงจังหวะราคาต่ำ
นายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ หรือ เซียนหยง ผู้คร่ำหวอดในแวดวงการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ ในรายการ Econ Life ผ่านยูทูปช่องเดลินิวส์ออนไลน์ ถึงความรู้สึกของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทยจากสารพัดปัญหาทั้งกรณีหุ้นอีเอ หุ้นมอร์ และหุ้นสตาร์ค ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดลดลงว่า สำหรับในเรื่องนี้มองได้ 2 กรณี คือ หากราคาหุ้นยังติดดอยหรือราคาราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเข้าซื้อก็จะรู้สึกเหนื่อย แต่หากมีเงินสดในมือเพียงพอมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่มูลค่าต่ำ
ทั้งนี้ เวลาเรามองหุ้นจะต้องมองเวลาที่จบวิกฤตเพราะคนยังต้องกิน ต้องใช้ ต้องจ่าย ต้องเที่ยว ซึ่งอาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิม แต่สภาพคล่องธุรกิจยังไปต่อได้อย่าไปมองว่าธุรกิจจะเจ๊ง แม้เราจะได้แผล และที่สำคัญเลยห้ามเลิกดูหุ้นโดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งอาจจะเสียใจไปทั้งชีวิต เพราะราคาถูกลงมากสามารถซื้อเก็บได้ยาวแม้ในบางกลุ่มอย่างเช่น กลุ่มสินเชื่อ ยังไม่เห็นความแน่นอนจากปัญหานี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น แต่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังสามารถที่จะประคองไปได้
ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ หรือ เซียนหยง
ขณะเดียวกันยังไม่เคยเห็นตลาดหุ้นที่ไหนซึมลึกตลอดกาลแม้มีนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าหุ้นไทยไม่โตแล้วเพราะเศรษฐกิจไม่เติบโตแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีหุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อ เพราะวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่ตรงตามตำราหลักเศรษฐศาสตร์ คือ หุ้นที่จะเติบโตได้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้นั้นต้องใช้นวัตกรรม แต่ประเทศไทยไม่ได้มีปัจจัยเหล่านี้เลย
“ประเทศไทยจะมีธุรกิจที่เป็นกึ่งผูกขาดค่อนข้างเยอะเช่นผู้ให้บริการมือถือซึ่งในโลกความเป็นจริงกลุ่มธุรกิจเหล่านี้สามารถควบคุมราคาขายได้และมีกำไรที่ดีขึ้น หรือประเทศไทยมีธุรกิจที่เรียกว่านักเลงคุมซอย กึ่งผูกขาดค่อนข้างเยอะและราคาไม่แพง มีการปันผล 3-4% ทำให้ยังสามารถซื้อขายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำว่าแม้ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยับเยินผลประกอบการแย่เมื่อเทียบกับตลาดทั่วโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลวร้ายตลอดไป อีกทั้งมองว่ายังเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่มีคุณภาพดีหลายหลายตัวที่ผลประกอบการไม่ได้แย่แต่ราคาปรับลดลงมาเยอะเพราะนักลงทุนมีความกังวล จึงเป็นโอกาสทองที่จะหาหุ้นเลี้ยงชีพแต่จะต้องทำการบ้านให้เยอะขึ้นเพื่อตัดสินใจเลือกหุ้นที่ชอบและจะต้องแยกแยะให้ออกระหว่างผลประกอบการหุ้นกับภาวะตลาด