6 เดือนกำไร บจ. mai 6,101 ล้านบาท ยอดขายรวม 1.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7%
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 212 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 221 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 6 เดือน ปี 2567 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 152 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขาย 104,296 ล้านบาท และต้นทุนขาย 76,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% และ 5.6% ตามลำดับ ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 28,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 19,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,352 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% และ 80.5% ตามลำดับ ซึ่งหากไม่นับรวมบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรก ที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn around กำไรสุทธิจะเป็น 4,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% อย่างไรก็ตาม งวด 6 เดือน ปี 2567 บจ. มีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น โดยพิจารณาจาก Gross Profit MarginOperating Profit Margin และ Net Profit Margin อยู่ที่ระดับ 26.9% 8.0% และ 5.7% เพิ่มขึ้น 1.4% 2.0% และ 2.3% ตามลำดับ
“ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 ของ บจ. ใน mai ปรับตัวดีขึ้น บจ. มีการควบคุมทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในปีนี้ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และหากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ายอดขายเติบโตในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มทรัพยากรที่มียอดขายลดลงเล็กน้อย แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิ เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น มีเพียงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำไรลดลง” นายประพันธ์ กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 333,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.76 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่เท่ากับ 0.77 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 221 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23สิงหาคม 2567) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 329.40 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 337,943 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,639 ล้านบาทต่อวัน