กลต ตลท ปปง ลงนามร่วมมือดูแลตลาดทุน พิชัย เตรียมออกกฎหมายเพิ่ม เชื่อมโยงเส้นทางการเงิน สกัดทั้งใน และนอกประเทศ ชี้หุ้นขึ้น 100 จุด ไทยมีเงินหมุนเวียน 1.2 ล้านล้าน ด้าน กลต. ชงรัฐบาล ยกเครื่องกฎหมายใหญ่
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยในพิธีลงนามสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท. ว่า ความร่วมมือวันนี้ถือเป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นไทยต้องการ เพราะหากมองย้อนหลังไป 2-3 ปี นักลงทุนเรียกร้องความมั่นใจ และความเชื่อมั่นจากในและต่างประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ เมื่อร่วมกับมาตรการกำกับอื่นๆ ที่ภาครัฐออกมา ภายใต้หลักสากล เช่น ช็อตเซลล์ เน็กซ์ช็อตเซลล์ ป้องกันโรบอตเทรด ก็เริ่มเห็นผลว่า ทุกอย่างเริ่มนิ่ง และหลังจากนี้จะงยังมีมาตรการอีกเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติม เพื่อช่วยดูแลความน่าเชื่อถือของหุ้นไทยได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ จะต้องดูการลงทุนที่เจตนาที่ไม่สุจริต โดย ตลท. และ ก.ล.ต.ต้องร่วมมือกัน และควรเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับเส้นทางการเงิน รวมถึงดูความเคลื่อนไหวในตลาดที่เกิดจากการกระทำเหล่านี้เพื่อได้เห็นเจตนาของการลงทุนนั้นๆ ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ จะต้องมีกฎหมาใหม่ในระดับประเทศเพื่อดูแลลงโทษอย่างเหมาะสม ลดความเสียหายของผู้ลงทุนได้ โดยครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ส่วนบทบาทของกระทรวงการคลัง จะเข้าไปดูกองทุนเก่าและใหม่ที่อยู่ในตลาดว่ามีอะไรต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดมีมูลค่า โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ที่เกี่ยวกับดิจิทัล และโลกร้อนจะมีความสำคัญไปทั่วโลก
“จากมาตรการเหล่านี้จะทำให้ตลาดทุนไทยกับเริ่มกลับมาได้ ซึ่งคำนวณคร่าวๆหุ้นไทยที่ 1800 จุด มีมูลค่าตลาด 22- 23 ล้านล้านบาท แสดงว่าทุกๆ 100 จุดจะมีมูลค่าประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท ถ้าหุ้นขึ้น 200 จุด ก็จะมีเงินเข้ามา 2.5 ล้านล้านบาท ทำให้คนไทยจะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้”
นายพิชัยกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือว่า ได้ติดตามข่าวมาตลอด และได้หารือกับสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อวางมาตรการดูแลผลกระทบวิกฤติครั้งนี้ ส่วนความกังวลว่าสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้จะรุนแรงเท่าปี 54 หรือไม่นั้น เชื่อว่าครั้งนี้คงไม่น่ากังวล เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนไม่ได้เท่ากับในปี 2554
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.เตรียมเสนอรัฐบาลแก้กฎหมายกำกับดูแลผู้กระทำผิดในตลาดทุนฉบับแก้ไข โดยมอบอำนาจแก่ ก.ล.ต. สอบสวน สืบสวน และส่งฟ้อง ผู้กระทำผิดแก่ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง เพื่อให้การตรวจสอบ ดำเนินคดีได้เร็วขึ้นสำหรับความร่วมมือของ 3 หน่วยงานครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายยิ่งขึ้น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสานงาน และการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนได้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.ได้หารือ ก.ล.ต. และ ปปง. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จนนำมาสู่การลงนามความตกลงครั้งนี้ เพื่อยกระดับการกำกับดูแล ซึ่งจะเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนไทยได้ยั่งยืนต่อไป