เสี่ยเค้ก เจ้าของ “ฮ่องเต้บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง”สบายใจได้ สรรพากรยืนยันกับเดลินิวส์ แล้ว ไม่มีการตรวจสอบรายได้ และรีดภาษีเป็นกรณีพิเศษ แต่ย้ำทุกคนหากมีรายได้ถึงเกณฑ์ จะต้องยื่นเสียภาษีตามกำหนด
จากกรณีนายรังสรรค์ สุวรรณศร หรือเสี่ยเค้ก เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวชื่อดัง “ฮ่องเต้บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง” ย่านหมู่บ้านกฤษดานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งพ่อค้ารายนี้เป็นที่รู้จักกันดี เพราะมักจะสวมใส่ทองเส้นใหญ่เท่าโซ่ เหลืองอร่ามเต็มคอและข้อมือ อีกทั้งยังเป็นพ่อค้าใจดี ติดป้ายที่หน้าร้านไว้ว่า “สตรีมีครรภ์ คนจน คนไร้ที่พึ่งขอกินฟรีได้ตลอด”
แต่ที่ผ่านมา กลับมีกระแสข่าวจากบางสื่อระบุว่า เสี่ยเค้กงานเข้าสรรพากรจะลงมาตรวจสอบเส้นทางการเงินของเสี่ยเค้ก ที่ร่ำรวยผิดปกติ จากเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้สอบถามไปยังกรมสรรพากร โดยได้รับการยืนยันว่า กรมสรรพากร ไม่ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินเสี่ยเค้ก หรือเรียกเก็บภาษีจากการใส่สร้อยทองขนาดใหญ่ เป็นการพิเศษแต่อย่างใด จึงขอให้เสี่ยเค้ก สบายใจได้
อย่างไรก็ตาม ทางสรรพากรขอย้ำเตือนถึงประชาชนคนไทยทุกคน ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ โดยมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 120,000 บาท หรือเดือนละ 10,000 บาท มีหน้าที่ต้องทำการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยยื่นแบบแสดงรายการปีละครั้ง ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
อย่างไรก็ตาม กรณีมีเงินได้สิทธิ 1-150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท(อัตราภาษี 5%)เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท(อัตราภาษี 10%)เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท(อัตราภาษี 15%)เงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท (อัตราภาษี 20%)เงินได้สุทธิ 1,001-2,000 บาท(อัตราภาษี 25%)เงินได้สุทธิ 2,001-5,000 บาท(อัตราภาษี 30)เงินได้สุทธิมากกว่า 5 ล้านบาท(อัตราภาษี 35%)
ส่วนกรณีมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีต้องจด VAT ภาษีมูลค่าเพิ่ม หากผู้ประกอบการมีรายรับจากการขายสินค้า หรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รายรับเกิน