ส่งออกทองคำเดือน ก.ค. พุ่ง 434.13% รับราคาทำนิวไฮ 2,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แถมเฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย จับตาจี7 ห้ามนำเข้าเพชรรัสเซีย เพิ่มแรงกดดันค้าเพชร
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า การส่งออกทองคำเดือน ก.ค. 67 มีมูลค่า 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 434.13% เนื่องจากราคาทองคำในเดือน ก.ค. ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,480.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลดอลลาร์ การปรับลดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับลดดอกเบี้ย และกองทุนทองคำมีการซื้อทองคำเพิ่ม
ทั้งนี้ ทำให้มีการส่งออกไปเก็งกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนยอดรวม 7 เดือน ส่งออกทองคำมีมูลค่า 4,198.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 24.06% และหากแยกการส่งออกทองคำเป็นรายเดือนพบว่า ม.ค. มูลค่า 469.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 194.17% ก.พ. มูลค่า740.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 309.51% มี.ค. มูลค่า 391.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 75.02% เม.ย. มูลค่า 288.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 64.57% พ.ค. มูลค่า 582.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 135.39% มิ.ย. 544.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 184.12%
ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน ก.ค. 67 มีมูลค่า 547.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.47% ลดลงติดต่อกัน 2 เดือน เนื่องจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยื้ดเยื้อ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจการค้าในหลายประเทศหลังการเลือกตั้ง และเงินบาทแข็งค่าส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง แต่หากรวมทองคำ มีมูลค่าส่งออก 1,728 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 114.28% ขณะที่ยอดรวม 7 เดือน ปี 67 (ม.ค.-ก.ค.) การส่งออกไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 5,103 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.65% หากรวมทองคำ มูลค่า 9,301.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.86%
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้น โดยฮ่องกง เพิ่ม 12.56% สหรัฐ เพิ่ม9.13% อินเดีย เพิ่ม 60.08% เยอรมนี เพิ่ม 9.45% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 11.87% เบลเยียม เพิ่ม 43.20% ญี่ปุ่น เพิ่ม 1.67% ส่วนสหราชอาณาจักร ลด 5.30% อิตาลี ลด 0.33% และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลด 15.07%
สำหรับสินค้าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเครื่องประดับทอง เพิ่ม 5.92% เครื่องประดับเงินเพิ่ม 20.66% พลอยก้อน เพิ่ม 65.16% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 5.31% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 2.92% ซึ่งในกลุ่มพลอย เป็นสินค้าที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเพราะมีการซื้อไปลงทุน เพชรก้อน เพิ่ม 0.06% เพชรเจียระไน เพิ่ม 0.29% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 8.94% ของทำด้วยไข่มุกและรัตนชาติ เพิ่ม 38.36% ส่วนเครื่องประดับแพลทินัม ลด 26.12%
นายสุเมธ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออก คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เงินเฟ้อทั่วโลกชะลอตัวลงต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้บริโภค โดยตลาดหลักทั้งยุโรป และจีน เริ่มฟื้นตัวและมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ส่วนการขยายมาตรการของประเทศกลุ่มจี7 ในการห้ามนำเข้าเพชรที่มีแหล่งกำเนิดจากรัสเซียตั้งแต่ขนาด 0.5 กะรัตขึ้นไป ในวันที่ 1 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา จะยิ่งสร้างความกดดันต่อผู้ส่งออกเพชรมากยิ่งขึ้น โดวจีไอทีมีข้อเสนอแนะว่า ผู้ประกอบการควรจะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วย เพราะไม่เพียงช่วยยกระดับการผลิต แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถบุคลากร และพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่