ไทย – มาเลเซีย ปล่อยคาราวานรถยนต์ 60 คัน บูสต์นทท.ขับรถข้ามชายแดน

ไทย - มาเลเซีย ปล่อยคาราวานรถยนต์ 60 คัน บูสต์กลุ่มนักท่องเที่ยวขับรถข้ามชายแดน หนุนท่องเที่ยวสองประเทศแตะ 7 ล้านคนตลอดปี

เมื่อวันที่26ตุลาคม2567น.ส.ภัทรอนงค์ณเชียงใหม่รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้การท่องด้วยแห่งประเทศไทย(ททท.)เปิดเผยว่าเพื่อแถลงความร่วมมือในการต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศระหว่างไทยและมาเลเซีย

โดยททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวศิลปะและวัฒนธรรมแห่งมาเลเซียได้ร่วมกันเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวSelf-Driveเชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซียซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในเส้นทางโดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถรับข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลพร้อมทั้งค้นหาคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศไทยและมาเลเซียรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆได้ที่เว็บไซต์https://tourismproduct.tourismthailand.org

โดย ททท. มีแผนจะพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดนร่วมกับมาเลเซียเพิ่มเติม อีกทั้งพิจารณาการพัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวและเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียได้ขยายการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของไทย นอกเหนือจากภูมิภาคภาคใต้ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงกันโดยสะดวก ผ่านการท่องเที่ยวรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย (Cross-border Tourism) พร้อมร่วมปล่อยขบวนคาราวาน Thailand-Malaysia Self-Drive Tourism กว่า 60 คัน ณ ลานจอดรถ The Zon Duty Free Complex ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างด่านสะเดา จังหวัดสงขลาราชอาณาจักรไทย และด่านบูกิตกายูฮิตัม สหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งมีนักขับรถและผู้ร่วมคาราวานเข้าร่วมงานกว่า 100 คน เดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ  ตามที่รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นศูนย์กลางในการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดย ททท. ได้เร่งดำเนินการมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน 

น.ส.ภัทรอนงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยและมาเลเซียถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่เสมอสามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศทางบก(ทางถนนและทางราง)และทางน้ำโดยนักท่องเที่ยวมาเลเซียถือเป็นตลาดที่เดินทางเข้าไทยเป็นอันดับ2ที่เดินมางเข้าไทยมากสุดข้อมูลตั้งแต่วันที่1มกราคม– 23ตุลาคม2567มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนไทยแล้วมากกว่า4ล้านคนสัดส่วนชาวมาเลเซียกว่า49%เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านชายแดนด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดาจ.สงขลาทั้งนี้ในปี2567คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยรวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า5ล้านคนในขณะเดียวกันจะมีคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียในปีนี้ไม่น้อยกว่า2ล้านคนรวมแล้วคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างกันไม่น้อยกว่า7ล้านคน

อย่างไรก็ตามจากปัจจัยสนับสนุนของมาตรการรัฐบาลในการขยายเวลาการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบ ตม.6 ของ 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 เมษายน2568 ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยและมาเลเซียจะร่วมกันส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศเดินทางระหว่างกันในรูปแบบการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดน (Cross-border Tourism)

นอกจากนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ASEAN Hub ททท. มีนโยบายที่จะกระตุ้นการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลาย สำหรับประเทศไทยและมาเลเซียนั้น ถือว่ามีข้อได้เปรียบที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศ ทางบก (ทางถนนและทางราง) และทางน้ำ จึงเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไปพร้อมกัน 

ทั้งนี้ในส่วนของการเชื่อมโยงทางอากาศมีความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการบินใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เส้นทางบินกัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่ของ Malaysia Airline เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 และทางราง ได้ริเริ่มผลักดันการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์ ตรงไปยังสถานีหาดใหญ่ จ.สงขลา ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับการรถไฟมาลายา หรือ KTMB (Keretapi Tanah Melayu Berhad) ให้บริการขนส่งนักท่องเที่ยวโดยรถไฟ KTM Electric Train Service (ETS) ซึ่งให้บริการจากสถานี KL Sentral ไปยังสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ก่อนจะเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา ทั้งยังจัด Charter train ชื่อ My Sawasdee ในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้ถึงเที่ยวละ 400 คน โดยจะเปิดให้บริการเพียงช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลเฉลิมฉลองพิเศษ ซึ่ง ททท. มีแผนที่จะส่งเสริมเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่เปิดให้บริการเป็นประจำเพิ่มขึ้นต่อไป

“ททท.คาดว่าการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลายระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านนั้นจะทำให้ททท.ดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดได้บรรลุตามเป้าของรัฐบาลซึ่งตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว3.5ล้านล้านบาทและเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่36.7ล้านคนภายในปี2567นี้”..ภัทรอนงค์กล่าว

น.ส.ยัสมินบินติยาซิมรองเลขาธิการใหญ่กระทรวงการท่องเที่ยวศิลปะและวัฒนธรรมแห่งมาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซียมีความยินดียิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับประเทศไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามชายแดนโดยจะมุ่งส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสองประเทศและมาเลเซียได้เตรียมการประกาศให้ปี2569เป็นปีท่องเที่ยวมาเลเซีย(Visit Malaysia 2026)ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกไม่น้อยกว่า35.6ล้านคนและเชื่อว่าการท่องเที่ยวข้ามชายแดนจะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและมาเลเซียได้อย่างมากสอดคล้องกับความตั้งใจของมาเลเซียที่จะส่งเสริมให้มีการอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางข้ามชายแดนอย่างไร้รอยต่อและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับไทยและประเทศสมาชิกทั้งภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนและIndonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle (IMT-GT)ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตลอดจนสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไป

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap