เปิดใจ ‘สถิตย์’ ประธานคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ยืนยันไม่มีใบสั่ง

เปิดใจ “สถิตย์” ประธานคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ยืนยันไม่มีใบสั่งทางการเมือง คัดเลือกตามกฎหมายด้วยใจเป็นกลาง

วันที่ 12 พ.ย. นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การพิจารณาเลือกประธานกรรมการ ธปท. ในครั้งนี้ ยืนยันไม่มีใบสั่ง และกรรมการคัดเลือกที่ตั้งขึ้นมา ไม่เหมือนกับกรรมการสรรหาอื่นๆ ซึ่งในครั้งนี้เรียกว่าการกรรมการคัดเลือก และตั้งจากกฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ใครก็ได้ ต้องแต่งตั้ง 7 ราย จากบุคคลหลากหลายหน่วยงาน เช่น ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ผู้ว่าการ ธปท. เลขาธิการ ก.ล.ต. เลขาธิการ คปภ.

“กรรมการคัดเลือกแต่งตั้งมาตามกฎหมาย ไม่มีนัยทางการเมือง ไม่มีใบสั่งทางการเมือง หรือข้อแนะนำทางเมืองใดๆ ทั้งสิ้น และผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นประธานกรรมการ ธปท. มีข้อกำหนดอยู่ว่า นอกจากมีลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นแล้ว ต้องไม่เป็น หรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี,เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงแหน่งในพรรคการเมือง กับดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่พ้นตำแหน่งไม่แล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี”

ทั้งนี้ที่ผ่านมา การประชุมคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท. และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เลื่อนมา 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกเป็นวันที่ 8 ต.ค. เนื่องจากฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งว่ามีเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนัดการประชุม ซึ่งเป็นข้อมูลหลายเรื่อง รวมถึงคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อบางราย ทำให้เลื่อนการประชุมออกไปในครั้งนั้น เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนการเลื่อนในครั้งที่ 2 คือวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากกรรมการคัดเลือกได้รับเอกสารข้อมูลในวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งมีเวลาเพียง 5 วันเท่านั้นก่อนวันประชุม ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนเพื่อให้การพิจารณาข้อมูลเป็นไปอย่างครบถ้วน จนมาสู่การพิจารณาคัดเลือกในวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทั้งคะแนนเสียง และบุคคลในได้รับการคัดเลือกนั่งประธานกรรมการ ธปท. โดยอยู่ในขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย หากกระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้น จึงจะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมามีกระแสต่อต้านบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเข้ามาเป็นหนึ่งในบุคคลคัดเลือกเป็นประธานกรรมการ ธปท. และให้คำปรึกษาจากอดีตผู้ว่าการ ธปท. และคณะศิษย์หลวงตาพระมหาบัวฯ มองว่าเป็นข้อมูลที่ควรรับฟัง แต่เกณฑ์ในการพิจารณาการคัดเลือกได้กำหนดไว้ว่าจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องนำมาประกอบในการพิจารณา ทั้งตำแหน่งประธานกรรมการ ธปท. และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

นายสถิตย์ กล่าวว่า คุณสมบัติที่เป็นข้อห้าม คือ ห้ามเข้าไปดำเนินการธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น บริษัทภายใต้ ธปท. แต่ในครั้งนี้ผู้ถูกเสนอชื่อคัดเลือกไม่มีใครมีลักษณะต้องห้าม คุณสมบัติผ่านเกณฑ์ครบถ้วน โดยยืนยันการดำเนินการได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย

“มีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจน จำเป็นต้องมีสมาธิกับสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้อมูลการให้คำแนะนำเป็นข้อมูลประกอบ ข้อมูลต้องปรับเข้ากับข้อกฎหมายว่ากฎหมายกำหนดไว้ว่าอย่างไร จะทำให้ใจเป็นกลาง มุ่งไปสู่การพิจารณาเชิงกฎหมายและตามระเบียบ ยืนยันทำหน้าที่เป็นกลาง หลักนิติธรรมที่เป็นอยู่ ทำหน้าที่จิตใจแน่วแน่ตามเจตนารมณ์ด้วยกฎหมาย”

นายสถิตย์ กล่าวว่า หากพูดถึงเรื่องความเหมาะสม ตามกฎหมายมาตรา 28/2 คือ ความเหมาะสมจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ของผู้ได้รับการคัดเลือก ลักษณะการมีส่วนได้ส่วนเสีย ถูกกำหนดไว้ชัดเจนตามกฎหมาย ซึ่งต้องนำหลักการมาเป็นแนวทางพิจารณา

ที่มา : รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ณ วันที่ 12 พ.ย. 67

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap