‘เซ็ปเป้’ 9เดือน กำไร 1 พันล้านบาท

‘เซ็ปเป้’ 9 เดือน กำไร 1 พันล้านบาท เชื่อไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง แม้เป็นช่วง Low Season

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็ปเป้ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 906.2 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายรวม 5,398.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 4,843.9 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,566 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายในต่างประเทศงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ทำได้ 4,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 81% ของรายได้จากการขายรวม โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีกระแสตอบรับของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นแฟนคลับศิลปิน SEVENTEEN แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของแบรนด์ Mogu Mogu ส่งผลต่อยอดขายให้เพิ่มสูงขึ้นด้านยุโรปและฝรั่งเศส ก็สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทวีปอเมริกาก็เริ่มขยายเข้าสู่ช่องทาง Mainstream ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคท้องถิ่นได้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนตลาดในประเทศ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งการเติบโตหลักๆ มาจากผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ที่สามารถทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง จึงเตรียมออกสูตรใหม่เพิ่มในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco มีการเติบโตและมีดีมานด์สูงจากกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะอยู่ในช่วง Low Season ของธุรกิจ บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าผ่านหลายช่องทาง ทั้งห้างค้าปลีกสมัยใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมการขายและการตลาดต่อเนื่องในทวีปต่างๆ โดยยังมีแผนปล่อยแคมเปญพิเศษของ Mogu Mogu ที่ทำกับ SEVENTEEN เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโมเมนตัมและกระแส Brand Love ให้กับแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายกำลังการผลิต โดยในเดือนเมษายน 2567ได้ติดตั้งไลน์การผลิตไลน์บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่และเริ่มเดินหน้าผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในส่วนของโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของยอดขายปี 2568 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งยังเป็นไปตามแผนการ Commercialization ในช่วงไตรมาส 2/2568 ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI) ของโรงงานแห่งใหม่ และการเพิ่มเติมไลน์การผลิตจำนวน 3 ไลน์ เริ่มตั้งแต่ปี 2567 2568 2569 ตามลำดับ เพื่อส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทย และช่วยลดอัตราภาษีเงิน ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษี 5 ปี ตามลำดับ

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap