สายการบิน 'อิตา แอร์เวย์' จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์ เครือข่ายเส้นทางบินรับฤดูหนาวนี้ เปิดเส้นทางบินตรงใหม่จากกรุงเทพฯ สู่กรุงโรมให้บริการ
เมื่อวันที่18พ.ย. 2567นายสรวงศ์เทียนทองรมว.ท่องเที่ยวและกีฬาน.ส.ฐาปนีย์เกียรไพบูลย์ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)นายเบเนเดตโต้เมนคาโรนีโพยอานี(Benedetto Mencaroni Poiani)ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลางและแอฟริกาของITA Airwaysนางเอมิเลียนาลิโมซานี(Emiliana Limosani)ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของITA AirwaysและซีอีโอของVolareนายศิริปกรณ์เชี่ยวสมุทรรองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปอเมริกาตะวันออกกลางและแอฟริกาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ฯพณฯเปาโลดีโอนีซี(H.E. Paolo Dionisi)เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยนายกิตติพงศ์กิตติขจรผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์เครือข่ายเส้นทางบินและไฮไลท์สำหรับฤดูหนาวนี้
นางเอมิเลียนาลิโมซานี(Emiliana Limosani)ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของITA AirwaysและซีอีโอของVolareเปิดเผยว่าสายการบินITA Airwaysหรืออิตาแอร์เวย์เปิดตัวเที่ยวบินตรงครั้งแรกสู่ประเทศไทยเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯและกรุงโรม(สนามบินโรมฟิอูมิซิโน)นับเป็นครั้งแรกที่บินตรงมายังประเทศไทยโดยจะให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัสเอ330นีโอหรือAirbus A330neoให้บริการ5เที่ยวบินต่อสัปดาห์
สำหรับเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมาถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจากสนามบินโรม ฟีอูมีชีโน กรุงโรมสาธารณรัฐอิตาลี โดยให้บริการเที่ยวบินแรกในวันที่ 16 พ.ย. 2567 เวลา 15.15 น. (เวลาท้องถิ่น) เที่ยวบิน AZ758ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 17 พ.ย. 2567 เวลา 07.40 น. ด้วยเครื่องแอร์บัส A330-900 neo ความจุผู้โดยสาร 291 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน ส่วนเที่ยวบินแรกจากกรุงเทพฯ ไปยังโรม ฟีอูมีชีโน เที่ยวบินที่ AZ759 ได้ออกเดินทางเวลา 12:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น
“เส้นทางนี้ช่วยเสริมแผนธุรกิจของเราในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างทวีปของITA Airwaysซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเราเนื่องจากเป็นการเปิดตัวในตลาดไทยและขยายการให้บริการในเอเชียเพิ่มเติมนอกเหนือจากเส้นทางบินไปยังโตเกียวนิวเดลีและเมืองมาเล่ในมัลดีฟส์กรุงเทพฯเป็นจุดหมายปลายทางใหม่แห่งที่8ของเราในปีนี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับผู้โดยสารโดยเรามองว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญทั้งสำหรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ”นางเอมิเลียนากล่าว
ทั้งนี้ในการเปิดตัวสู่ตลาดไทยสายการบินITA Airwaysได้จัดงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ที่โรงแรมคาเพลลากรุงเทพเพื่อแนะนำเส้นทางบินและบริการต่างๆที่สายการบินจะนำเสนอในช่วงฤดูหนาวนี้ให้แก่สื่อมวลชนและพันธมิตรในวงการท่องเที่ยวไทยได้รู้จัก
เส้นทางบินใหม่ระหว่างกรุงโรมและกรุงเทพฯถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายเครือข่ายสู่ตลาดที่มีศักยภาพสูงกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจระดับโลกการเปิดเส้นทางบินตรงนี้แสดงให้เห็นว่าITA Airwaysมุ่งมั่นที่จะมอบตัวเลือกการเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสารและยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขยายเครือข่ายเส้นทางบินในแผนการเติบโตของบริษัท
ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายเครือข่ายไปสู่ตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวและธุรกิจการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของITA Airwaysในการนำเสนอทางเลือกการเดินทางที่ดีที่สุดพร้อมทั้งตอกย้ำความสำคัญของการขยายเครือข่ายในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท
นายเปียร์ฟรานเชสโก คาริโน (Pierfrancesco Carino) รองประธานฝ่ายขายต่างประเทศของ ITA Airways กล่าวว่าในช่วงฤดูหนาวปี 2567/2568 สายการบิน ITA Airways จะเปิดให้บริการเที่ยวบินไปยัง 55 จุดหมายปลายทาง เพื่อขยายเครือข่ายการบินอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 16 เส้นทางภายในประเทศ 24 เส้นทางระหว่างประเทศ และ 15 เส้นทางข้ามทวีป หลังจากเปิดเส้นทางบินไปดูไบเมื่อ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา และเริ่มให้บริการเที่ยวบินตรงไปกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในไทย ITA Airways มีแผนขยายบริการเพิ่มเติม โดยจะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงโรมและมาเล่เมืองหลวงของมัลดีฟส์ สูงสุดถึง 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เส้นทางนี้จะให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330-900 สายการบิน ITA Airways เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2564 โดยมีเครื่องบินในฝูงบินทั้งหมด 52 ลำ
นอกจากนี้ฝูงบินของสายการบินITA Airwaysประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัสทั้งหมดโดยมีเครื่องบินที่ให้บริการอยู่100ลำโดย60ลำเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดได้แก่เอ321นีโอ7ลำเอ320นีโอ19ลำเอ220-300 9ลำเอ220-100 8ลำเอ330-900 11ลำและเอ350-900 6ลำการมีฝูงบินที่ทันสมัยนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของITA Airwaysในด้านความยั่งยืนโดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้90%ของเครื่องบินทั้งหมดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแผนยุทธศาสตร์ปี2566-2570เครื่องบินรุ่นใหม่เหล่านี้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง25%และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสายการบินที่จะเป็นสายการบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในยุโรป