เปิด 3 ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยปี 67 โต 2.6% ส่วนปี 68 มีแนวโน้มเจอความเสี่ยงสูง เกาะติดนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2567 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% และหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวที่ 1.2% โดยมีปัจจัยหนุนจากดุลการค้า (ฐานดุลบัญชีเดินสะพัด) ที่เกินดุลสูงขึ้นตามการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ประกอบกับรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนภาครัฐและการบริโภคภาครัฐที่ขยายตัวเร่งสูงขึ้นอย่างมาก
ขณะที่ปัจจัยกดดันหลักมาจากการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนที่ยังหดตัวตามภาคก่อสร้าง ส่งผลให้ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ที่ 2.3%
เมื่อมองไปในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัวที่ 2.6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังต่อไปนี้
การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางแรงหนุนสําคัญจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น ประกอบกับการส่งออกไปสหรัฐ ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องก่อนการประกาศปรับขึ้นภาษีศุลกากรขาเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ แม้มีแนวโน้มจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้การลงทุนและการบริโภคภาครัฐในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะขยายตัวได้ดี โดยส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานที่อยู่ในระดับต่ำจากผลของการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ขณะที่งบประมาณปี 2568 เริ่มมีการเบิกจ่ายไปแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 และมีแนวโน้มเป็นไปตามแผนการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 4/2567 มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ที่คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการบริโภคได้ในระดับหนึ่ง แม้ผลกระตุ้นอาจต่ำกว่าที่ภาครัฐประมาณการไว้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และผลกระทบจากอุทกภัย
ขณะที่ เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น โดยยังคงต้องติดตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรขาเข้าที่อาจส่งผลให้การส่งออกไทยในระยะข้างหน้าเผชิญความท้าทายมากขึ้น นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยคาดว่าจะเผชิญขีดจำกัดในการขยายตัวจากทิศทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในปีหน้า ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยรายละเอียดประมาณการจะมีการนำเสนอในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2568 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 นี้