“เผ่าภูมิ” เปิดเงื่อนไขแก้หนี้เสีย 2.3 ล้านบัญชี 1.3 ล้านล้าน ”บ้าน 3 ล้าน-รถยนต์-เอสเอ็มอีทำธุรกิจ”ผ่อนแต่ต้น พักดอกเบี้ย 3 ปี
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบหลักการการปรับมาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน โดยทำการช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ที่ลูกหนี้เป็นหนี้เสียกับธนาคารพาณิชย์ ด้วยการพักการชำระดอกเบี้ย และจ่ายเฉพาะเงินต้นเป็นเวลา 3 ปี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มหนี้บ้าน 2.หนี้รถยนต์ และ 3.หนี้เอสเอ็มอี โดยทั้ง 3 กลุ่มจะต้องเป็นหนี้เสียอายุไม่เกิน 1 ปี ปิดวันนับยอดหนี้ 1 ปี ไม่เกินวันที่ 31 ต.ค. 67
สำหรับ 3 กลุ่มนี้มีจำนวนลูกหนี้ที่เข้าข่าย 2.3 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 1.31 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มหนี้บ้าน จะต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมีเข้าข่ายจำนวนลูกหนี้ที่เข้าข่าย 4.6 แสนบัญชี มูลหนี้ 4.8 แสนล้านบาท กลุ่มหนี้รถยนต์ ต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 8 แสนบาท มีลูกหนี้ที่เข้าข่าย 1.4 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 3.7 แสนล้านบาท และกลุ่มหนี้เอสเอ็มอี ต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 3 ล้านบาท มีลูกหนี้เข้าข่าย 4.3 แสนบัญชี มูลหนี้รวม 4.54 แสนล้านบาท
“ที่เรากำหนดเงื่อนไขแบบนี้ เพราะคิดว่า ลูกหนี้กลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มที่สามารถฟื้นตัวได้ถ้าเราเข้าไปช่วยเหลือ แต่ผู้ที่เข้าข่ายเหล่านี้จะไม่ได้รับสิทธิอัตโนมัติจะต้องเข้าไปติดต่อธนาคารเพื่อแจ้งความประสงค์ด้วย ที่สำคัญหากลูกหนี้เหล่านี้สามารถผ่อนชำระดีได้ตลอดระยะเวลา 3 ปี ก็มีโอกาสที่จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยการคิดดอกเบี้ยให้ด้วย”
สำหรับวงเงินที่เข้าข่ายร่วมโครงการจะนับเฉพาะยอดสินเชื่อที่กู้ตั้งแต่แรก ไม่นับรวมดอกเบี้ยที่มาถึงจนถึงปัจจุบัน ส่วนสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิตจะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการแก้หนี้หรือไม่นั้น จะต้องดูวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน หากกู้มาเพื่อลงทุน ทำธุรกิจก็สามารถเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้ได้
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับมาตรการแก้หนี้ภาคประชาชนครั้งนี้ ไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐบาล โดยอัตราดอกเบี้ยที่พักชำระหนี้ให้เป็นเวลา 3 ปีนั้น จะนำเงินส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มสถาบันการเงินเอง และอีกส่วนจะได้รับจากการชดเชยด้วยการลดอัตราเงินนำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (เอฟไอดีเอฟ) ของธนาคารพาณิชย์ ลงครึ่งหนึ่งจาก 0.46% ต่อปี เหลือ 0.23% ต่อปี เพื่อนำเงินนี้มาช่วยจ่ายดอกเบี้ยแทนทำให้ผู้ที่ชำระหนี้สามารถจ่ายชำระเงินต้น
“ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยรายละเอียดทั้งหมดคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแถลงรายละเอียดทั้งหมดหลังการประชุม พร้อมถึงเงื่อนไข ไทม์ไลน์การเปิดลงทะเบียนและสมัครต่อด้วย”