อัปเดตสิทธิลดหย่อนภาษี 2567 เช็กด่วน ก่อนเสียสิทธิ

อัปเดตสิทธิลดหย่อนภาษี 2567 เช็กด่วน ก่อนเสียสิทธิ ช่วยประหยัดเงินได้ ไม่ต้องบานปลาย

การวางแผนภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองว่ายุ่งยากและซับซ้อน แต่หากเข้าใจหลักการพื้นฐานและติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีอย่างสม่ำเสมอ การวางแผนภาษีจะกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ไม่ยาก และยังช่วยให้ประหยัดเงินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย

ทำไมต้องวางแผนภาษีทุกปี

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อได้วางแผนภาษีไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็สามารถใช้แผนนั้นได้ตลอดไป ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะ กรมสรรพากร มีการปรับเปลี่ยนมาตรการลดหย่อนภาษีในทุก ๆ ปี ในบางปีอาจมีการยกเลิก ออกใหม่ หรือเพิ่มหลักเกณฑ์ในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ดังนั้น เพื่อให้การวางแผนภาษีเป็นประโยชน์ในการประหยัดภาษีสูงสุด จึงจำเป็นต้องนำแผนภาษีที่เคยวางไว้ในปีก่อนหน้า มาปัดฝุ่นและปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรการใหม่ในทุก ๆ ปี

มาตรการลดหย่อนภาษีใหม่ปี2567

ในปี 2567 กรมสรรพากรได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีใหม่หลายรายการ ดังนั้น เพื่อให้วางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างที่น่าสนใจ

1. ค่าลดหย่อนพื้นฐาน

ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัยตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

ค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่จำนวน 10,000 บาท ต่อทุกจำนวน 1,000,000 บาท ที่จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ให้แก่ผู้รับจ้าง (ต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท และไม่เกินหนึ่งหลัง เฉพาะค่าจ้างตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้น และเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

2. ค่าลดหย่อนการออมและการลงทุน

ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาทโดยผู้ใช้สิทธิไม่ต้องซื้อกองทุนต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า5 ปี นับจากวันที่ซื้อ

3. ค่าลดหย่อนพิเศษ

ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการEasy E-Receipt(ชื่อเดิม E-Refund) สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบกิจการขายหนังสือ (รวมถึง e-Book) และสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567-15 กุมภาพันธ์ 2567ตามที่จ่ายจริง(รวม VAT แล้ว) แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ซึ่งผู้ขายหรือผู้ให้บริการได้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่ระบุชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

โดยสินค้าทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำมาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ยกเว้นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการอาทิ

ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ค่าซื้อยาสูบค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณ อินเทอร์เน็ตค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

ส่วนค่าซื้อหนังสือ (รวมถึง e-Book) หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ผู้ขายต้องออกใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ที่ระบุชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อด้วยเช่นกัน และสินค้า OTOP ที่ลดหย่อนภาษีได้จะต้องเป็นสินค้าที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว และผู้ขายต้องออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ตามมาตรฐานของกรมสรรพากร โดยจะเป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ก็ได้

ค่าท่องเที่ยวภายในประเทศสำหรับการท่องเที่ยวเมืองรองสามารถหักค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย และค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม โดยได้รับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567-30 พฤศจิกายน 2567

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการวางแผนภาษี

ปัจจุบัน กรมสรรพากรหันมาให้ความสำคัญกับการมุ่งสู่สังคมยุคดิจิทัล (Digitalization) โดยมุ่งเน้นการรับและเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่สุด ดังนั้น สำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนบางรายการ กรมสรรพากรกำหนดให้มีการส่งข้อมูลมายังสรรพากรในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอกนิกส์ โดยผู้มีเงินได้ไม่จำเป็นต้องเก็บเอกสารหลักฐานในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป ดังนี้

ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัยผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์ให้ผู้ให้กู้นำส่งและเปิดเผยข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยต่อกรมสรรพากร

เบี้ยประกันสุขภาพ เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์ให้บริษัทประกันนำส่งและเปิดเผยข้อมูลการจ่ายเบี้ยประกันต่อกรมสรรพากร

ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมRMF กองทุนรวม SSF และกองทุนรวม Thai ESGผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์ให้บริษัทหลักทรัพย์นำส่งและเปิดเผยข้อมูลการจ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุนต่อกรมสรรพากร

โดยสรุป เพื่อที่จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนแต่ละรายการต้องไม่ลืมแจ้งธนาคาร บริษัทประกัน หรือบริษัทหลักทรัพย์(แล้วแต่กรณี)ให้ส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรภายในสิ้นปี2567 ด้วยไม่เช่นนั้นจะเสียสิทธิไม่สามารถนำรายการต่าง ๆ มาเป็นค่าลดหย่อนได้

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap