ไทยแลนด์เนื้อหอม! นักลงทุนเล็งขอตั้งฐานการผลิตขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลเพิ่มเติม คาดสร้างเงินมากกว่า 8 แสนล้านบาท
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ว่าแนวโน้มการลงทุนในประเทศไทยในปี 2568 นี้ กำลังมีทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่คาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนมากกว่า 8 แสนล้านบาท
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พบว่า ขณะนี้ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงเดือนสิงหาคมถึงสิ้นปี 2567 เป็นจำนวนมาก เช่นPCBคลาวด์Data Centerอีกทั้งยังสนใจลงทุนที่ประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพมากและมีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 5Gเป็นWorld-class Data CenterและCloud Servicesมีระบบสาธารณูปโภคและโลจิสติกส์ที่ทันสมัย เป็นที่ตั้งฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทระดับโลก และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีความพร้อมในด้านการค้ากับต่างประเทศ จากการยกระดับการค้าเสรี และกรอบความร่วมมือต่าง ๆ และมีสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ เช่น ภาษีและมาตรการทางด้านการเงิน (Financial)ที่เอื้อประโยชน์สำหรับนักลงทุน และครอบคลุมในทุกกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมารัฐบาลยังได้ส่งเสริมการผลิตบุคลากรในสาขาSTEMเพิ่ม ซึ่งคาดการณ์ในปี 2569 จะมีบุคลากรเพิ่มในสาขาวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์กว่า 3 แสนคน
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านสีเขียว (Green Transition)และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยบีโอไอเน้นส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา มีการขอรับการส่งเสริมเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 1.8 แสนล้านบาท และเพียงแค่ 9 เดือนของปี 2567 มีเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 85,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 3.7 เท่า
ทั้งนี้ประเทศไทยยังเป็นพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นด้านความปลอดภัย (Safety&Resiliency) มีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติต่ำ และปลอดความขัดแย้ง มีระบบสาธารณสุขและการศึกษาที่มีมาตรฐาน โดยประเทศไทยมีความเหมาะสมในการเป็นฐานการผลิต PCB อันดับ 1 ของอาเซียน และปัจจุบันติดท็อป 5 ของโลก โดยปัจจัยต่าง ๆ จะส่งผลให้แนวโน้มการลงทุนในปี 2568 มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินการลงทุนไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วน 2.อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล Data Center และ Cloud Region 4.อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และ 5.อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน
“จากข้อมูลทิศทางการลงทุนดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและโอกาสของประเทศไทยสำหรับการลงทุนเพิ่มของนักธุรกิจที่ลงทุนอยู่เดิม และการลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้น โดยรัฐบาลได้มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายเพิ่มการลงทุนในประเทศ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน เพื่อสร้างประโยชน์และโอกาสให้กับประชาชนไทยควบคู่กับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอีกด้วย”นายจิรายุ กล่าว