ชี้ คนไทยยังจับจ่ายซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน ดันค้าปลีกปีนี้แตะ 2.3 ล้านล้านบาท โต 4.6% ด้านพฤติกรรมการซื้อปีนี้ เชื่อยังระวังใช้จ่าย ป่วยซึมเศร้าเยอะชอบซื้อสินค้าช่วยฮีลใจ
นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด หรือ ท็อปส์ เปิดเผยว่า ในปี 68-70 นี้คาดว่าตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยมีมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 4.6% เพิ่มจากปี 67 ที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากคนไทยยังจับจ่ายซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่องทางอีคอมเมิร์ซที่เติบโตสูงมากในกลุ่มเจนแซดหรือคนทำงานมีการชอปปิงมาจากช่องทางออนไลน์ ติ๊กต็อก เป็นต้น
สำหรับเทรนด์แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคปี 68 นี้ มองว่า ผู้บริโภคระมัดระวังใช้จ่าย คำนึงถึงความจำเป็นของสินค้าเป็นปัจจัยหลัก และคำนึงถึงความคุ้มค่าของสินค้าเทียบกับราคาทำให้สินค้าในกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์หรือสินค้าของบริษัทเองได้รับความสนใจมากขึ้น,คนไทยเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจึงนิยมซื้อสินค้าที่ทำให้จิตใจดีขึ้น นำเทรนด์ใหม่ๆ รวมทั้งสนับสนุนสินค้ารักษ์โลกทำจากวัสดุธรรมชาติ และยังพึ่งพาไสยศาสตร์ทำให้สินค้าเทรนด์มูเตลูยังเป็นที่นิยมทั้งช่วยในเรื่องการเงิน โชคลาภ สุขภาพ การงาน การเรียนและความรัก
ทั้งนี้ จากเทรนด์ดังกล่าวทำให้ปีนี้บริษัทนำมาปรับใช้ในแคมเปญ เดอะ เกรท ไชนีส นิวเยียร์ 2025 ต้อนรับช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งการนำสินค้ามงคลกว่า 1,500 รายการมาจำหน่าย จัดโปรโมชั่น มอบสิทธิพิเศษ เพื่อให้ท็อปส์เป็นจุดหมายของการจับจ่ายสินค้าช่วงเทศกาลดังกล่าว ตั้งเป้าหมายช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 20%
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลลูกค้าท็อปส์ช่วงตรุษจีนปี 67 ที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้ากว่า 40% ใช้เงินมากที่สุดในช่วงตรุษจีน โดย 43% เน้นความสะดวกและหลากหลาย และจะเลือกซื้อสินค้าจากความเชื่อและตอบรับมาตรการอีซี่ อี-รีซีท มากที่สุด และหมวดสินค้าที่ขายดี ได้แก่ ผักและผลไม้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหาร เนื้อสัตว์และอาหารทะเล และของใช้ในบ้าน