พรหมินทร์ โชว์ไทยเนื้อหอม ยักษ์ใหญ่ระดับโลก 7 ราย สนใจลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไทย รายละแสนล้าน เน้นพื้นที่ขนาดใหญ่ 300 ไร่ ทำเลดี กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เกิดทันรัฐบาลชุดนี้
นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการดำเนินโครงการสถานบันเทิงครบวงจรว่า ขณะนี้มีนักลงทุนระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสถานบันเทิง 6-7 ราย แสดงความสนใจลงทุนในไทย โดยจะใช้เม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่ารายละ 1 แสนล้านบาท เนื่องจากมองไทยมีความพร้อมทุกด้าน ทั้งแหล่งท่องเที่ยว การคมนาคม นักท่องเที่ยวที่เติบโตทุกปี
โดยไทม์ไลน์หลังจากนี้ หลังกฤษฎีกาตรวจสอบรายละเอียดแล้ว จะเร่งนำเข้าพิจารณาชั้นสภาในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งใช้เวลาอีก 7-9 เดือน โดยคาดกฎหมายบังคับใช้ช่วงต้นปี 69 จากนั้นจะตั้งคณะกรรมการนโยบายที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และตั้งสำนักงานกำกับดูแลขึ้นมา เพื่อพิจารณารายละเอียดทำเลที่ตั้ง จำนวนใบอนุญาต อัตราค่าบริการ โดยตั้งใจจะเห็นการลงทุน ตอกเสาเข็มโครงการสถานบันเทิงครบวงจร ขนาดแสนล้านเริ่มได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
“เงื่อนไขการลงทุน จะเป็นโครงการใหม่ทั้งหมด บนพื้นที่ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งนักลงทุนสนใจที่ดิน 300 ไร่ โดยภายในจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว มีทั้งโรงแรม 4-5 แห่ง 5,000 ห้อง สวนสนุกขนาดใหญ่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ โดมจัดคอนเสิร์ต สนามกีฬา ขณะที่กาสิโนจะมีเพียง 3-5% เท่านั้น ที่สำคัญรัฐบาลตั้งเป้าจะเปิดให้บริการได้ปี 72 โดยทำเลที่นักลงทุนให้ความสนใจ จะเป็นที่มีความสะดวกอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา แต่เรื่องสถานที่และขนาดพื้นที่ยังต้องรอคณะกรรมการชุดใหญ่ ศึกษา และชี้ชัดอีกครั้ง”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า จากโมเดลการศึกษาของสิงคโปร์ พบว่าตลอด 15 ปีของการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีการพนันนอกระบบหายไปเกือบครึ่ง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 50% ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อไทยจัดตั้งได้สำเร็จจะทำการพนันนอกระบบลดลง และมีผลดีต่อเศรษฐกิจ การจ้างงาน การลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างระยะแรก 100,000 ล้านบาท จะมีผลต่อจีดีพี 0.2% และหากสร้างเสร็จจะมีผลเพิ่มเป็น 0.7%
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น จะเปิดกว้างทุกสัญชาติ หรือจะเป็นลักษณะของกิจการร่วมค้า มีหลายบริษัทเข้ามารวมอยู่ด้วยกัน เพราะในโครงการจะมีหลายส่วนทั้งสวนสนุก โรงแรม สนามกีฬา โดมจัดคอนเสิร์ต ซึ่งในส่วนของนายทุนไทยหากสนใจลงทุนก็จะอาจไปร่วมกับต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญได้ โดยรัฐบาลจะเปิดให้ทุกรายมายื่นข้อเสนอ หากใครลงทุนสูงและให้ผลประโยชน์ต่อภาครัฐเยอะสุดก็จะมีโอกาสได้รับไป
ส่วนที่กลัวว่าจะเป็นแหล่งให้เกิดการฟอกเงิน ไม่ต้องกังวล เพราะบริษัทที่จะเข้ามา เป็นระดับโลกอยู่แล้ว มีความน่าเชื่อถือ ขณะที่ผลกระทบทางด้านสังคม กฎหมายนี้จะมีการดูแล ทั้งการสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษา สาธารณสุข การกำหนดค่าแรกเข้า หรือหากมีการร้องเรียนจากครอบครัวว่าติดการพนันก็จะถูกแบนไม่ให้เข้า