“สภาพัฒน์” แนะไทยผนึกอาเซียน เพิ่มอำนาจต่อรองการขึ้นภาษีสหรัฐฯ

“สภาพัฒน์” แนะไทยผนึกอาเซียน เพิ่มอำนาจต่อรองการขึ้นภาษีสหรัฐ พร้อมเพิ่มกลไกจดทะเบียนธุรกิจ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงแนวทางในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ว่าทรัมป์มีแนวทางการขึ้นภาษีประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯซึ่งมีข้อมูลในส่วนนี้อยู่ซึ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก็คือจะมีการประกาศขึ้นภาษีไปก่อนจากนั้นจึงจะเปิดโอกาสให้มีการเจรจากับสหรัฐฯ

ขณะที่ข้อเสนอของภาคเอกชนที่ระบุว่าอยากให้รัฐบาลตั้งทีมเจรจาไปหารือกับสหรัฐฯอย่างเป็นทางการเพื่อลดผลกระทบในการปรับขึ้นภาษีนั้นมองว่าเรื่องนี้ในการเจรจาแนวทางที่ควรทำคือการที่รัฐบาลไทยปผนึกกำลังกับประเทศอื่นๆในอาเซียน และไปเจรจากับสหรัฐฯ เพราะหากประเทศไทยไปเจรจากับสหรัฐฯประเทศเดียวอำนาจต่อรองอาจจะไม่พอ แต่หากไปเจรจาร่วมกับประเทศอื่นๆในอาเซียน เป็นการรวมกลุ่มไปคุยในฐานะของภูมิภาคแบบนี้โอกาสสำเร็จจะมากกว่า ส่วนรายละเอียดการเจรจาจะมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างไร เช่น การแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) หรือวิธีการอื่นๆนั้นเป็นรายละเอียดที่จะมีการคุยกันในขั้นตอนต่อมา แต่ในขั้นตอนการเจรจานั้นการรวมกลุ่มกันไปเจรจาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากไปเจรจาประเทศเดียวโอกาสสำเร็จอาจน้อยเนื่องจากประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศขนาดเล็ก

สำหรับประเด็นการที่มีบริษัทจีนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยเพิ่มโดยไปจดทะเบียนในสิงคโปร์ แล้วเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยมีการขอส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นายดนุชา กล่าวว่าลักษณะนี้เป็นบริษัทจากจีนที่ย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าและกำแพงภาษี จึงมีการไปจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้องที่สิงคโปร์เป็นบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ในส่วนนี้มองว่าหากสหรัฐฯมีการตรวจสอบจริงๆก็จะสามารถรู้ได้ว่าเป็นบริษัทจากจีนซึ่งก็มีโอกาสที่จะถูกมาตรการทางภาษีได้เช่นกัน

“แนวทางที่ควรดำเนินการคือเมื่อบริษัทต่างชาติเข้ามาขอบีโอไอจากไทยเราควรมีกลไกในการให้บริษัทไทยถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหล่านั้นเพื่อให้เป็นบริษัทไทย โดยอาจให้สิทธิประโยชน์เพิ่ม ในส่วนที่เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีเทคโนโลยี หรือองค์ความรู้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศไทยต้องการให้เข้ามาลงทุนในไทยและจดทะเบียนเป็นบริษัทไทย ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยแก้ปัญหาในการถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯเพราะเท่ากับว่าบริษัทเหล่านี้เข้ามาลงทุนทำการผลิตจริงในประเทศไทยไม่ได้เป็นการเข้ามาเพื่อหลบเลี่ยงการถูกเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น” นายดนุชา กล่าว

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap