“นครพนม” ดันชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำโขง แลนด์มาร์คใหม่ แมกเนตดึงนทท. ดันรายได้ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20%

“นครพนม” ชูชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำโขง แลนด์มาร์คใหม่ รับไฮซีซั่น คาดเป็นแมกเนตดึง นทท. ปี 68 แตะ 3 ล้านคน ดันรายได้ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% ชูไอเดียรูทล่องเรือสัมผัสวัฒนธรรม 9 ชนเผ่า ปลื้ม ครม.สัญจร 3 ครั้ง ทุ่มงบพัฒนาจังหวัดหลายโครงการ

นายชาญยุทธ อุปพงษ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.นครพนม และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (มุกดาหาร สกลนคร นครพนม) เปิดเผยว่า จ.นครพนม อยู่ระหว่างการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 20% และคาดการณ์ว่าปี 68 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมจากปีก่อน จำนวน 2.2 ล้านคน แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาดี อาจจะทำให้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแตะ 3 ล้าน ทำนิวไฮครั้งแรกของ จ.นครพนม ก็ได้

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น ชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำโขง มีความสูง 54 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 56 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในการรับผิดชอบของเทศบาลเมืองนครพนม ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ต.ค. 2568 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น และใกล้กับช่วงเทศกาลไหลเรือไฟพอดี ดังนั้นเมื่อเปิดให้บริการจุดนี้ จะเป็นอีกแลนด์มาร์คที่จะเป็นแมกเนตดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแนวคิดที่จะทำรูทท่องเที่ยวทางเรือในระยะทาง 70 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายศรัทธาและวัฒนธรรม เริ่มต้นจากจุดขึ้นเรือ ณ อ.ธาตุพนม ไปจนถึง อ.บ้านแพง พร้อมแวะจอดชมขึ้นฝั่งไปสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน 9 ชนเผ่า นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนของ 9 ชนเผ่า จ.นครพนม และใช้ชีวิตเพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชน พร้อมนอนพักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน 

นายชาญยุทธ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.นครพนม (ครม.สัญจร) ถือเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกสมัยนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้อนุมัติโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มูลค่า 1,200 ล้านบาท เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ซึ่งปัจจุบันทำให้การค้าขายข้ามแดนในพื้นที่นี้มีมูลค่าสูงเป็นหลักแสนล้านบาทต่อปี ส่วนครั้งที่ 2 สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการเขื่อนกันแนวดินกันตลิ่งพังติดลำน้ำโขง 160 กม. หรือแทบจะตลอดลำน้ำโขง จ.นครพนม รวมทั้งได้โครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางหลายเส้น

ส่วนครั้งนี้ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ได้อนุมัติงบกลางฯ 150 ล้านบาท ให้ จ.นครพนม ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณริมแม่น้ำโขงเหนือเมืองนครพนม และพื้นที่ต่อเนื่อง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ระยะที่ 1 วงเงิน 50 ล้านบาท โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานธรณีวิทยาและไดโนเสาร์ “Geo Park Center at Tha Uthen” 50 ล้านบาท โครงการสร้างอัตลักษณ์เมือง (DNA) และ Marketing ภายใต้ 5 Must (Visit,Eat,Shop,Mu,Rest) 20 ล้านบาท และโครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก 30 ล้านบาท 

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap