“สรวงศ์” หั่นงบเที่ยวไทยคนละครึ่ง 3,500 ล้านบาท เจียดทำ 3 โครงการบูสต์ท่องเที่ยว

“สรวงศ์” หั่นงบเที่ยวไทยคนละครึ่ง 3,500 ล้านบาท เจียดทำ 3 โครงการบูสต์ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ททท. เตรียมจัดงานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2025 หวังช่วยยกระดับสร้างความเชื่อมั่น

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อปรับแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังพบตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 68) มีแนวโน้มลดลง 0.2% จึงสั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับแผนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 โดยใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือจากเดิมกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอของบกลางปี 2568 รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อทำโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จำนวน 1 ล้านสิทธิ วงเงิน 3,500 ล้านบาท จึงจะขอปรับว่าภายใต้วงเงินเดิมแบ่งมาจัดทำโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของตลาดต่างประเทศด้วย

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับงบประมาณโครงการที่จะดำเนินภายใต้วงเงิน 3,500 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 โครงการ ดังนี้

1.โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่ตั้งเป้าหมายกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ จากการหารือล่าสุดอาจมีการปรับลดจำนวนสิทธิเหลือไม่ถึง 1 ล้านสิทธิ และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะถูกจำกัดสิทธิ ใช้ได้สูงสุดไม่ถึง 10 สิทธิต่อ 1 คน ขณะที่การกำหนดสัดส่วนการใช้สิทธิในเมืองหลักและเมืองรอง เบื้องต้นอาจอยู่ที่ 50:50 แต่ทั้งหมดต้องหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อสรุปรายละเอียดและเงื่อนไขโครงการนี้ทั้งหมดก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 

2.โครงการส่งเสริมตลาดร่วม (Joint Promotion)ผ่านแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA)เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (F.I.T.)ซึ่ง ททท.จะร่วมกับOTAรายใหญ่ให้ครอบคลุมการทำตลาดทั่วโลก

และ 3.โครงการส่งเสริมตลาดร่วม (Joint Promotion)กับสายการบิน ทำเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดย ททท.จะสนับสนุนทั้งเที่ยวบินประจำ (Regular Flight)และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight)แต่จะให้น้ำหนักการสนับสนุนแก่เที่ยวบินเช่าเหมาลำมากกว่า เพราะเที่ยวบินประจำได้อานิสงส์บางส่วนจากโครงการส่งเสริมตลาดร่วมกับOTAไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในตอนนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัญหาภาพลักษณ์ความปลอดภัยของประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลัว ไม่อยากเดินทาง กระทบต่อการทำตลาดเที่ยวบินเช่าเหมาลำของบริษัททัวร์ และเกรงว่าในอนาคตจะกระทบต่อตลาดเที่ยวบินประจำตามมา

“ต้องพยุงตลาดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนเอาไว้ เงื่อนไขการสนับสนุนเบื้องต้นคือต้องการันตีผู้โดยสาร มีอัตราการขนส่ง (Load Factor) ไม่ต่ำกว่า 85%” 

นอกเหนือจาก 3 โครงการดังกล่าว ททท.มีแผนใช้งบการตลาดของตัวเอง ทำโครงการ “สวัสดีหนีห่าว” จัดเมกะแฟมทริปในช่วงปลายเดือน พ.ค. 2568 เชิญผู้ประกอบการบริษัททัวร์ สื่อมวลชน และผู้นำทางความคิด (KOL) จากจีนเดินทางมาสำรวจบรรยากาศและสินค้าการท่องเที่ยวของไทยรวม 500 คนจากทุกมณฑลทั่วประเทศจีน แบ่งเป็นตัวแทนบริษัททัวร์ 300 คน และสื่อมวลชนกับผู้นำทางความคิดอีก 200 คน 

“นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะมาร่วมเปิดงานเมกะแฟมทริปโครงการสวัสดีหนีห่าวด้วย เพื่ออัปเดตข้อมูลและแผนงานของรัฐบาลไทยว่าปัจจุบันได้บริหารจัดการข้อกังวลต่างๆ ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรบ้าง ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เข้าใจภาพและเชื่อมั่นประเทศไทย” 

นอกจากนี้ ททท. มีกำหนดจัดงานเทรดโชว์ส่งเสริมการท่องเที่ยว “ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2025” ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. ที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางมาร่วมงาน 480 คน รวมกับสื่อมวลชนและ KOL แล้วมากกว่า 500-600 คน โดยได้เชิญผู้ร่วมงานจากตลาดจีนมาจำนวนมาก คาดหวังให้เป็นอีกงานที่ช่วยยกระดับการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย

น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีนตอนนี้มีหลายเรื่อง ทั้งประเด็นการค้ามนุษย์ ภาพความไม่ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว คดีฆาตกรรมสาว LGBTQ และประเด็นเกี่ยวกับคำว่า จีนเทา ทั้งหมดนี้ล้วนถูกนำมาขยายความ คอมเมนต์ และส่งต่อกันในโลกออนไลน์ สร้างความหวาดระแวงแก่นักท่องเที่ยวจีน เหมือนประเทศไทยกำลังเจอสงครามโซเชียลมีเดีย และน่ากังวลว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

“ยอมรับว่าการบริหารจัดการสถานการณ์ในช่วงนี้เป็นเรื่องยากมาก ต้องเป็นระดับ G2G หรือระหว่างรัฐบาล โดยทางนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีความต้องการเทียบเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีน มาร่วมงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบ 50 ปี ไทย-จีน ในเดือน ก.ค. 2568”

น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2568 หากสถานการณ์บานปลาย คาดว่าปีนี้จะเหลือ 4-5 ล้านคนในกรณีเลวร้ายที่สุด แต่ถ้าสถานการณ์ยังคงที่ สามารถดึงบรรยากาศความเชื่อมั่นกลับมาได้ น่าจะผลักดันไปถึงจำนวน 6.7 ล้านคนเท่าปีที่แล้วได้ ส่วนภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ททท.ตั้งไว้ทั้งหมด 35.5 ล้านคน เท่ากับปีที่แล้ว สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับฐานรายได้ 1.67 ล้านล้านบาทของปีที่แล้ว เพิ่มเป็น 1.83 ล้านล้านบาทในปีนี้ ส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทย ตั้งเป้าเท่าเดิมที่จำนวน 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ตลาดในประเทศ 1.17 ล้านล้านบาท ทำให้เป้าหมายรายได้รวมทั้งตลาดในและต่างประเทศปีนี้อยู่ 3 ล้านล้านบาท เท่ากับรายได้รวมเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 สถานีย่อยของคนไทย      ติดต่อเรา   SiteMap