ศักยภาพเศรษฐกิจไทยโตต่ำ การค้าโลกเปลี่ยนต้องปรับตัว ธปท.ชี้จีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวได้ ยืนยันไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย
🔊 ฟังข่าว
⏸️ หยุดชั่วคราว
🔄 เริ่มใหม่
วันที่ 14 พ.ค. นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะต่ำกว่า 3% โดยยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าของโลก ทำให้โลกใหม่ต้องปรับตัว และหากไม่ปรับตัวในระยะยาว จะทำให้ศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปรับลดลงได้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยภาคการผลิต และการส่งออกเป็นสำคัญ ดังนั้น จำเป็นต้องมีนโยบายช่วยลดต้นทุน การขยายตลาด เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกโดยตรง การนำเข้าที่จะมีการไหลเข้ามาของสินค้า โดยจะต้องติดตามว่าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
“ผลกระทบของการค้าโลกยังไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก เพราะการส่งออกยังขยายตัว ซึ่งการเติบโตเศรษฐกิจยังไม่เห็นผลกระทบ โดยต้องรอดูตัวเลขจาก สศช.ก่อน ถ้ามองไปข้างหน้า มีโอกาสจีดีพีไตรมาสต่อไตรมาสติดลบหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่เห็นตัวเลขนั้น คือยังไม่ติดลบ แม้ผลกระทบรอบนี้ไปสู่ภาคการผลิตที่ใหญ่และยืดเยื้อ ลักษณะของผลกระทบที่ผ่านมาในอดีตใหญ่และหนักกว่านี้ ยืนยันว่ายังไม่เห็นเศรษฐกิจถดถอย”
นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมมีแนวโน้มที่ปรับลดลง จากภาคต่างประเทศเป็นหลัก และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการค้าที่ยังไม่สามารถคาดเดาตอนจบได้ อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐและจีนเจรจากันได้ และลดภาษีให้กันชั่วคราวนั้น เป็นพัฒนาการเชิงบวกทำให้ความตึงเครียดทางการค้าลดลง และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยด้วย
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะได้ผลดีกว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อย ซึ่งผลดีจะผ่านเรื่องการส่งออกดีขึ้นได้เมื่อความต้องการของโลกดีขึ้น หลังจากไม่ได้ขึ้นภาษีรุนแรง และส่งผ่านจากที่ไทยส่งออกไปจีน และจีนส่งออกไปสหรัฐ และเห็นจีนเร่งส่งออกมากขึ้นในช่วง 90 วัน ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบน้อยลงจากการที่สหรัฐและจีนเจรจากันได้ คือ เรื่องของสินค้าที่จะไหลเข้ามาในไทย และสินค้าของจีนที่จะแข่งกับไทยในตลาดอื่น น่าจะบรรเทาลง เพราะสามารถส่งออกไปยังสหรัฐได้
“ถ้าเทียบกับผลที่สหรัฐและจีนเจรจาและผ่อนผันเรื่องภาษีกันได้ชั่วคราว 90 วันนั้น มูลค่าที่มีต่อจีดีพีของไทยอาจจะไม่ได้มาก ประมาณ 0.1% เนื่องจากเป็นการลดภาษีชั่วคราว 1 ไตรมาส หลังจากนี้ต้องจับตาผลการเจรจาของประเทศต่างๆ รวมถึงผลของการเจรจาของไทยด้วย ส่วนผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มส่งออก คือ อาหารแปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์รวมยางล้อ โลหะ ซึ่งได้รับผลกระทบต่างกัน ขณะที่ผู้ส่งออกยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังไม่โดนเก็บภาษี คือ อิเล็กทรอนิกส์”