กฤษฎีกา ตรวจร่าง “พ.ร.บ. ศูนย์กลางการเงิน” เสร็จแล้ว “เผ่าภูมิ” ดันเข้าสภาบรรจุวาระ 1 ทันที ต้นเดือน ก.ค.
ดร.เผ่าภูมิโรจนสกุลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่ารัฐบาลต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน(Financial Hub)เพื่อดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยพัฒนาบทบาทของประเทศไทยให้เป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคตโดยกระทรวงการคลังได้ยกร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินพ.ศ. ….และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการของร่างพ.ร.บ.และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้น
ปัจจุบันคณะกรรมการกฤษฎีกา(คณะพิเศษ)ได้ตรวจพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วร่างพ.ร.บ. Financial Hubนี้จะถูกบรรจุวาระและเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระที่1ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาต้นเดือนกรกฎาคมนี้โดยร่างพ.ร.บ.ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกามี9หมวดประกอบด้วย
บททั่วไปซึ่งเป็นการกำหนดวันที่บังคับใช้ร่างพ.ร.บ.และนิยามที่เกี่ยวข้อง
หมวด1คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน:ซึ่งเป็น
การกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการให้กำกับดูแลกิจการภายใต้โครงการFinancial Hubอย่างครบวงจรตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจการให้ใบอนุญาตการตรวจสอบการดำเนินงานและการเพิกถอนใบอนุญาต
หมวด2สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน:
ซึ่งเป็นการตั้งสำนักงานเพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จณจุดเดียว(One-stop Authority: OSA)และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจทั้งการพิจารณาใบอนุญาตและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
หมวด3ผู้อำนวยการ:ซึ่งเป็นการกำหนดคุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งผู้บริหารจัดการสำนักงาน
หมวด4การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย:ซึ่งเป็นการกำหนดประเภทและขอบเขตของธุรกิจที่จะได้รับอนุญาตและการกำหนดคุณลักษณะของนิติบุคคลที่ประสงค์จะยื่นคำขอประกอบธุรกิจ
หมวด5การส่งเสริมสิทธิประโยชน์:ซึ่งเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะได้รับหากมาจัดตั้งธุรกิจภายใต้Financial Hub
หมวด6การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริม:ซึ่งเป็นการกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลธุรกิจภายใต้Financial Hubซึ่งได้พิจารณาให้ครอบคลุมแนวทางการกำกับดูแลธุรกิจด้านการเงินในปัจจุบันทั้งธุรกิจสถาบันการเงินธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจประกันภัย
หมวด7พนักงานเจ้าหน้าที่:ซึ่งเป็นการกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสามารถตรวจสอบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจได้
หมวด8และ9มาตรการปรับเป็นพินัยและโทษทางอาญา:ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนด